• Facebook
• Twitter
• Line

สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งรวย

สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่ง คือ ประตูวิหารแห่งปัญญา ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญมากๆต่อการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย รีบเรียนรู้เรื่องนี้ด่วนเลย!

เทคนิคที่13 : สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย

สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย คือ ประตูวิหารแห่งปัญญา ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญมากๆต่อการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย คนที่เป็นเศรษฐีส่วนใหญ่ จะมีสัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก ก่อนอื่น ถ้าหากทุกๆท่านยังไม่ได้อ่านบทความทั้ง12เรื่องที่ผ่านมา เพื่อความเข้าใจตรงกัน แนะนำให้กลับไปอ่านตั้งแต่ตอนที่1-12ก่อนนะค่ะ จะได้เข้าใจตรงกัน คลิกที่นี่เลยค่ะ =>> อ่านบทความตอนที่1-13

• สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย คือ ประตูวิหารแห่งปัญญา ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญมากๆต่อการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย คนที่เป็นเศรษฐีส่วนใหญ่ จะมีสัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก
• สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่ง  เป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่าง มหาปัญญา(จักรวาลแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย)จะติดต่อกับมนุษย์(ผู้ล่วงรู้เคล็ดลับนี้)ด้วยความเต็มใจ โดยที่มนุษย์ไม่ต้องหรือใช้ความพยายามมากนัก
• หลักการนี้ เป็นจุดสูงสุดของศาสตร์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย ซึ่งคุณจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็ต่อเมื่อคุณสามารถ ย่อย เข้าใจ และนำไปใช้ได้ซึ่ง 12 เทคนิคที่คุณได้เรียนรู้กันมาแล้ว(ย้อนกลับไปทบทวนให้เข้าใจด้วยนะค่ะ)
• สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของจิตใต้สำนึก ที่เรียกว่า จินตนาการที่สร้างสรรค์
• บางครั้งสัมผัสนี้ยังถูกเรียกว่า เครื่องรับ ที่ไอเดีย แผนการ หรือ ความคิดต่างๆแว็ปขึ้นมาในจิต บางครั้ง คำว่า แว็ปนี้ ถูกเรียกกว่า ลางสังหรณ์ / แรงบันดาลใจ ฯลฯ
• สัมผัสนี้ อธิบายยากมากๆ ถ้าหากคุณยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ 12เทคนิคที่คุณได้เรียนรู้กันมาแล้ว(ต้องกลับไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง)
• เราจะเข้าใจสัมผัสนี้ อาจจะด้วยการฝึกทำสมาธิ หรือ ผ่านการพัฒนาจิตจากภายใจ
• สัมผัสนี้อาจจะติดต่อระหว่างจิตที่มีขอบเขต และ มหาปัญญาที่ไร้ขอบเขตใดๆทั้งสิ้น ดังนั้น อาจจะเรียกได้ว่า สัมผัสนี้ เป็นการรวมกันระหว่างจิต และวิญญาณ(หรือปัญญาขั้นสูง)
• มีความเชื่อกันว่า สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งนี้ เป็นจุดที่จิตมนุษย์เชื่อมต่อกับจิตแห่งจักรวาล ซึ่งสัมผัสนี้ จะเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดปัญหา หรือ เตือนเกี่ยวกับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่เข้ามา
• เมื่อคุณเข้าใจและนำไปใช้ซึ่งเทคนิคทั้ง12ข้อที่ได้เรียนรู้มา ในเทคนิคที่13นี้ คุณก็จะไม่มีอะไรที่จะต้องข้องใจเกี่ยวกับสัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่ง ดังนั้น ถ้าอยากเข้าใจเทคนิคนี้ ต้องเข้าใจเทคนิคทั้ง12ข้อก่อนเท่านั้น
• ในทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเข้าใจโครงสร้างของเซลล์สมอง ตรงที่มีอวัยวะที่ใช้รับคลื่นการสั่นสะเทือนของความคิด หรือที่เรียกว่า “ลางสังหรณ์” แต่มันไม่ใช่สาระสำคัญ ขอแค่คุณรู้เทคนิคนี้และนำไปปรับใช้ได้ในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยก็เพียงพอ
• เมื่อจิตถูกกระตุ้นแบบที่เหนือกว่าธรรมดา มนุษย์จะสามารถรับรู้และเข้าใจความลึกซึ้งของสัมผัสนี้ได้อย่างแท้จริง
• เรื่องฉุกเฉินที่ก่อให้เกิดอารมณ์และทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติโดยทั่วไป แบบนี้จะปลุกให้สัมผัสที่6ทำงาน
• ใครที่เคยมีประสบการณ์คล้ายๆจะเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถจะรู้ดีว่า สัมผัสนี้มีส่วนช่วยเตือนภัยก่อนเสมอในเสี้ยววินาทีที่สำคัญต่อชีวิตนั้น
• สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมากๆต่อการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย
• สัมผัสที่6นี้ ไม่ใช่เปิดปิดง่ายๆ จะต้องผ่านการฝึกฝนเทคนิคทั้ง12ข้อที่คุณได้เรียนรู้มาแล้ว และนำไปปรับใช้จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญ
• จุดเริ่มต้นแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย คือ ความปรารถนาอย่างแรงกล้า และเส้นชัย คือ ความรู้ที่จะนำไปสู่ความเข้าใจ …
  • เข้าใจตัวเอง
  • เข้าใจผู้อื่น
  • เข้าใจกฎของธรรมชาติ
  • การรู้จักและเข้าใจในความสุข
• ความเข้าใจเหล่านี้จะสมบูรณ์แบบต่อเมื่อเราคุ้นเคยกับการใช้หลักการของสัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่ง ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งที่เราต้องการจริงๆคือ ความสุขอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่แค่มีเงินมากๆแต่กลับไม่มีความสุขเลยในการใช้ชีวิต

เป็นไงกันบ้างคะ ชื่นชอบบทความนี้หรือเปล่า ถ้าชื่นชอบ/อยากติดตามความรู้ดีๆนี้อย่างต่อเนื่อง สามารถกดติดตามได้ที่เพจข้างล่างได้เลยค่ะ

เพจหนังสือเพื่อความมั่งคั่ง

===============================

ก่อนจะจบบทความนี้ Admin มีเรื่องเล่าที่สำคัญเกี่ยวกับ สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย  มาแบ่งปันกับทุกๆท่านค่ะ

จริงๆแล้ว หลักการของ สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย นี้ มันสอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างยิ่ง ตรงที่ “เราทุกคนต่างก็มีสัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยอยู่แล้ว”

หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมแอดมินพูดแบบนี้?

คำตอบง่ายๆ คือ เรามีสัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยกันทุกคน แต่กลับไม่เข้าใจกระบวนการในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยผ่านกระบวนการต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น

• เราใช้สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งน้อยมาก เพราะยังคงยึดมั่นในกรอบความคิดเดิมๆด้วยการทำงานที่เดิมๆ
• เราปฏิเสธโอกาสดีๆที่เข้ามาหาเราอยู่บ่อยครั้ง เพียงเพราะคิดไปเองสิ่งที่ทำอยู่ มันดีอยู่แล้ว
• เราพุ่งความสนใจไปที่ สบายวันนี้ วันหน้าจะลำบากก็ช่างมัน เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น

จากรายการด้านบน จะเห็นว่า ทุกๆสิ่งที่เรากระทำ ล้วนมีผลต่อผลลัพธ์ด้านความมั่งคั่งร่ำรวยของเรารวมอยู่ด้วยเสมอ แน่นอนว่า ในชีวิตประจำวันของเรา “ถ้าเราไม่ใช้สัมผัสแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย เราก็จะไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับเราได้ หรือ เรียกได้ว่า สัมผัสแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยก็จะฝ่อลงเรื่อยๆหรือไม่เกิดสัมผัส ลางสังหรณ์ หรือ แรงบันดาลใจใดๆเลย” นั่นเอง

วิธีการง่ายๆ(จากเนื้อหาที่ได้เรียนรู้มา)ในการใช้สัมผัสที่6สร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ก็ทำได้ด้วยการ ใช้องค์ประกอบที่ได้เรียนรู้มา นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น

1)การฝึกนั่งสมาธิ อย่างที่ได้เรียนรู้ไปแล้วว่า การพัฒนาทักษะการมีสัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยนี้ สามารถทำได้ผ่านการนั่งสมาธิ หรือ การมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเป้าหมายที่เราต้องการอย่างแท้จริง ด้วยวิธีการนี้ เราแค่วางทุกอย่างลง ไม่ว่าจะเป็น

• การวางความสงสัยลงว่าเราจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่
• การวางคำพูดของคนอื่นลงที่พูดเชิงลบกับเรา
• การวางความคลางแคลงใจเกี่ยวกับความสามารถตัวเอง

จากนั้น ก็ลองจดจ่ออยู่กับ เป้าหมายที่เราต้องการอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น

• เป้าหมายด้านการเงิน = เงินเท่าไหร่กันแน่ที่เราต้องการจริงๆ
• เป้าหมายด้านสุขภาพ = สุขภาพที่เราต้องการจริงๆเป็นแบบไหน
• เป้าหมายด้านอิสรภาพในการใช้ชีวิต = วิถีชีวิตแบบไหนที่เราต้องการจริงๆ ตื่นเช้ามาจะทำอะไรยังไง ทั้งวันจะทำอะไรยังไง จะสร้างคุณค่าอะไรให้กับใครยังไง ฯลฯ …..

เมื่อจิตเราจดจ่ออยู่กับเป้าหมายที่ต้องการจริงๆ มันจะส่งผลให้เกิด ลางสังหรณ์ดีๆ แรงบันดาลใจดีๆ เกิดแผนการดีๆในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับเรา ซึ่งแผนการนี่เองจะนำไปสู่ความชัดเจนในการลงมือปฏิบัติเพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย

2)การฝึกจินตนาการที่สร้างสรรค์ => จินตนาการที่สร้างสรรค์ เป็น “เครื่องรับสัญญาณ” ทำหน้าที่รับคลื่นการสั่นสะเทือนของความคิดที่ส่งมาจากจิตใต้สำนึก(ทั้งของตัวเราเองหรือของคนอื่นในคลื่นความถี่เดียวกัน) เมื่อจินตนาการที่สร้างสรรค์ทำงาน มันจะเชื่อมต่อกับ จิตใต้สำนึกแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยซึ่งเป็นสถานีส่งสัญญาณ นั่นหมายความว่า ในจักรวาลแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยนี้ มีการรับสัญญาณและการส่งสัญญาณระหว่างกันไปมาอย่างต่อเนื่องและตลอดไป จิตใต้สำนึกเป็นสถานีส่งสัญญาณ แล้ว จินตนาการสร้างสรรค์เป็นสถานีรับสัญญาณ เทียบง่ายๆให้เข้าใจ คือ เวลาที่เราฟังวิทยุคลื่นอะไรก็ตาม จะมีสัญญาณคลื่นวิทยุจากผู้ส่ง และเราใช้เครื่องเล่นสัญญาณวิทยุเป็นตัวรับคลื่นสัญญาณวิทยุ นั่นเอง ซึ่งเครื่องเล่นสัญญาณวิทยุ ก็จะเป็น วิทยุทั่วไป หรือ วิทยุในรถยนต์ ฯลฯ เมื่อปรับจูนคลื่นให้ตรงกัน ก็จะเป็นการเชื่อมต่อสลับกันไปมาอย่างชัดเจน นั่นเอง

หลักในการใช้จิตนาการที่สร้างสรรค์ในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ท่านได้เรียนรู้กันไปแล้ว ให้ย้อมกลับไปทบทวนซ้ำหลายๆรอบ ซึ่งในบทเรียนนี้ เราจะเพิ่ม ลางสังหรณ์ดีๆ แรงบันดาลใจดีๆ ใส่เข้าไปด้วยในจินตนาการที่สร้างสรรค์นั้นๆ ซึ่งความสำเร็จที่แท้จริงนั้น มันจะเกิดขึ้น2ครั้งเสมอ คือ ครั้งแรก มันเกิดขึ้นในจินตนาการ และ ครั้งที่สอง มันเกิดขึ้นหลังจากที่เราลงมือทำตามแผนการปฏิบัติที่ชัดเจนแล้ว นั่นเอง

3)การชักจูงตัวเอง(Self Talk หรือ Auto-Suggestion) => การชักจูงตัวเอง/การพูดกับตัวเอง/การตอกย้ำสิ่งที่ปรารถนาอย่างแท้จริงกับตัวเอง เป็นกระบวนการเชื่อม จิตใต้สำนึก กับ จินตนาการที่สร้างสรรค์ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ทุกๆครั้งที่เรา Self Talk แบบใส่อารมณ์ความรู้สึกลงไปอย่างเต็มที่ เราจะสามารถรับรู้ได้ว่า สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งร่ำรวยมันส่งลางสังหรณ์ดีๆออกมา หรือ ส่งแรงบันดาลใจดีๆออกมาให้เราได้เห็น ซึ่งตรงจุดนี้นี่เองที่จะก่อเกิดแผนการที่ชัดเจนออกมาด้วยเพื่อให้เราได้สัมผัสหรือรับรู้ว่า “เรากำลังไปในทิศทางของการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย” แล้วเราจะมีพลังที่มหาศาลในการขับเคลื่อนตัวเองไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายที่เราตั้งไว้อย่างแน่นอน

สัมผัสที่6แห่งความมั่งคั่งรำ่รวยไม่ใช่ส่ิงที่จะเกิดขึ้นมาลอยๆโดยไม่ได้ฝึกฝนหรือพัฒนาตัวเองเลย มันจะต้องผ่านกระบวณการทั้ง12ข้อในบทเรียนที่เราได้เรียนรู้กันมาแล้ว ซึ่งในบทเรียนนี้ก็ได้เน้นย้ำให้ฟังแล้วว่า เราจะต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งใน12เทคนิคเหล่านั้น แล้วมันจะตกผลึกอย่างชัดเจนในเทคนิคที่13นี้

นั่นหมายความว่า กระบวนการที่สำคัญ จึงต้องมีสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ความปรารถนาอย่างแรงกล้า+อารมณ์ความรู้สึกร่วมที่รุนแรง ยิ่งมีอารมณ์ร่วมอย่างรุนแรง ยิ่งทรงพลังในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย

เมื่อคนเรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าและมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมที่รุนแรง จะมีคลื่นการสั่นสะเทือนสูงกว่าคนทั่วๆไปในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย เมื่อเชื่อมต่อกระบวนการทั้ง3เข้าด้วยกันจะช่วยเร่งความสำเร็จได้อย่างเต็มที่ เพราะจริงแล้ว ความคิด คือ ความจริง(ของคนๆนั้น) ไม่ว่าเราจะเชื่อว่าเราทำได้ หรือ เราทำไม่ได้ มันก็คือความจริงของคนๆนั้นอย่างแน่นอน อย่างที่เฮนรี่ฟอร์ดได้กล่าววาจาศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า “ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าทำได้ หรือ ทำไม่ได้ มันก็ถูกต้องสำหรับคุณ” นั่นเองค่ะ

ก่อนจะทิ้งท้ายจริงๆ แอดมินอยากจะบอกถึงกระบวนการที่แอดมินทำเกี่ยวกับขั้นตอนในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย(เคยบอกไว้แล้วในบทความก่อนหน้านี้)

ขั้นที่1 : หามุมสงบๆสำหรับตัวเราเอง ถ้ามีกระจกด้วยจะดีมากๆเลยค่ะ ถ้าไม่มีก็อาจจะใช้มือถือถ่ายวิดีโอตัวเองไปด้วยได้

ขั้นที่2 : พูดกับตัวเอง(Self Talk)เกี่ยวกับความปรารถนาที่แรงกล้าอย่างชัดเจนของตัวเองว่า อะไรกันแน่ที่ตัวเราต้องการจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตแบบไหนที่ต้องการจริงๆ ที่ทำงานแบบไหนที่ต้องการจริงๆ บ้านแบบไหนที่ต้องการจะอยู่จริงๆ สายสัมพันธ์แบบไหนที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมด้วยจริงๆ ….. ให้ประกาศมันออกมาให้ชัดเจน ในขั้นนี้ เป็นขั้นของการเชื่อมองค์ประกอบด้าน จิตใต้สำนึก+จินตนาการที่สร้างสรรค์+การชักจูงตัวเอง เข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการ รับ-ส่งคลื่นความคิดที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ขั้นที่3 : ใส่อารมณ์ความรู้สึกร่วมว่า เราทำได้และเราได้รับมันมาแล้ว และช่างมีความสุขเหลือเกิน ในขั้นนี้ เป็นขั้นตอนที่เราจะยิ้มและรู้สึกดีกับตัวเองอย่างถึงที่สุด คลื่นความรู้สึกดีๆที่เราได้รับสิ่งนั้นมาแล้ว จะถูกส่งตรงลงไปสู่จิตใต้สำนึกของเราเองแบบเต็มที่ ซึ่งทุกท่านได้เรียนรู้มาแล้วว่า พลังของจิตใต้สำนึกแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยนั้น ทรงพลังแค่ไหน

ขั้นที่4 : เขียนแผนการปฏิบัติหรือเอาแผนการออกมาทบทวน(ถ้าเคยเขียนไว้แล้ว)

ขั้นที่5 : ลงมือทำตามแผนการนั้นทันที เร่ิมต้นจาก สิ่งที่ทำได้ทันที ณ ตอนนั้น

เพียง5ขั้นตอนนี้ ท่านก็เริ่มเข้าสู่กระบวนที่สำคัญในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยแล้วค่ะ

===============================

แน่นอนว่า บทสรุปเทคนิคทั้งหมดที่เรียนรู้มานี้ จะช่วยให้ทุกๆท่านสามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยและมีความสุขในการใช้ชีวิตในทุกๆวันนะค่ะ

ห่วงใยทุกๆสรรพสิ่งบนโลกใบนี้เสมอ…

• Facebook
• Twitter
• Line